5f17a6c5 meatmarket logo.png

Blog

ชา คืออะไร?

ชา เป็นผลผลิตทางเกษตรกรรมจากใบ ยอดอ่อน และก้านของต้นชา (Camellia sinensis) นำมาผ่านกรรมวิธีแปรรูปหลากหลาย “ชา” ยังหมายรวมถึงเครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมทำจากพืชตากแห้งชนิดต่างๆ นำมาชงหรือต้มกับน้ำร้อน ชายังเป็นเครื่องดื่มที่มีผู้บริโภคมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก รองจากน้ำ

ชาแบ่งหยาบๆ ได้ 6 ประเภท ได้แก่ ชาขาว, ชาเหลือง, ชาเขียว, ชาฟ้า (ชาอูหลง), ชาแดง และ ชาดำ[ต้องการอ้างอิง] ชาทุกชนิดสามารถทำได้จากต้นชาต้นเดียวกัน แต่ผ่านกรรมวิธีแตกต่างกันออกไป

การจัดประเภทและการแปรรูป

ชา ถูกจัดประเภทตามกระบวนการแปรรูป หลังจากการเก็บเกี่ยว ใบของต้นชาจะถูกทิ้งให้สลด และ “บ่ม” โดย ทำให้เอนไซม์ในใบชาเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับออกซิเจนในอากาศ ใบชาจะมีสีเข้มขึ้น คลอโรฟิลล์ในใบชาจะแตกตัว กลายเป็นสารแทนนินที่ให้รสฝาด ต่อจากนั้น ต้องหยุดการทำงานของเอนไซม์ โดยใช้ความร้อน เพื่อให้หยุดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น โดยในชาแดง กระบวนการนี้จะดำเนินคู่กันไปกับการทำให้แห้ง

หากไม่ระมัดระวังในการควบคุมความชื้นและอุณหภูมิระหว่างกระบวนการผลิต ใบชาอาจขึ้นรา เกิดปฏิกิริยาสร้างสารพิษที่อาจเป็นสารก่อมะเร็งขึ้นได้ ทำให้รสชาติเสียไป และอันตรายต่อการบริโภค

ชา สามารถจัดประเภทตามกระบวนการแปรรูปต่างๆ ได้ดังนี้ต่อไปนี้

  • ชาขาว: ตูมชาและยอดอ่อนชาที่ถูกทิ้งให้สลด แต่ไม่ได้บ่ม เมื่อชงชาแล้วจะได้ครื่องดื่มที่มีสีเหลืองอ่อน
  • ชาเหลือง: ใบชาที่ไม่ได้ถูกทิ้งให้สลด และไม่ได้บ่ม แต่ทิ้งใบชาให้เป็นสีเหลือง
  • ชาเขียว: ใบชาที่ไม่ได้ถูกทิ้งให้สลดและไม่ได้บ่ม เมื่อชงจะได้เครื่องดื่มสีเขียวอ่อน
  • ชาอูหลง: ใบชาที่ทิ้งให้สลด นวด และบ่มเล็กน้อย เรียกได้ว่าเป็นชาประเภทกึ่งหมักหรือชาที่ผ่านการหมักเพียงบางส่วน ทำให้มีสี กลิ่นหอม และ รสชาติ อยู่ระหว่าง ชาเขียว และ ชาแดง
  • ชาแดง: ใบของชาเขียวที่ผ่านกระบวนการออกซิเดชั่นหรือการหมัก จนได้เป็นใบชาสีเข้ม เมื่อชงจะได้เครื่องดื่มสีน้ำตาลแดง
  • ชาดำ : ชาเขียวที่ทำโดยผ่านกระบวนการหมักเป็นเวลานาน ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือชาผูเอ่อร์

ประโยชน์ของชาแต่ละประเภท

ชา เป็นผลผลิตทางเกษตรกรรมจากใบ ยอดอ่อน และก้านของต้นชา (Camellia sinensis) นำมาผ่านกรรมวิธีแปรรูปหลากหลาย “ชา” ยังหมายรวมถึงเครื่องดื่มกลิ่นหอมที่ทำจากพืชตากแห้งชนิดต่างๆ หรือที่เรียกว่า ชาสมุนไพร นำมาชงหรือต้มกับน้ำร้อน ชาจึงเป็นเครื่องดื่มที่มีผู้บริโภคมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก รองจากน้ำ

ชา คือ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำใบ ยอด และก้านที่ยังอ่อนของต้นชาในสกุลคาเมลเลีย (camellia) นำมาแปรรูป โดยชาสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท คือ ชาหมัก ชากึ่งหมัก และชาไม่หมัก โดยมีความหายดังต่อไปนี้

  • ชาหมัก หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำใบชามาผึ่งให้อ่อนตัว นวดเป็นเส้น หมักจนใบมีสีแดงหรือสีน้ำตาลเข้ม อบให้แห้ง
  • ชากึ่งหมัก หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำใบชามาผึ่งให้อ่อนตัว คั่วให้สุก นวดเป็นเส้น หรือเม็ดอบให้แห้งอาจแต่งกลิ่นด้วยดอกไม้หรือใบเตยด้วยก็ได้
  • ชาไม่หมัก หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำใบชามาอบด้วยไอน้ำเดือดหรือคั่ว นวดเป็นเส้น อบให้แห้ง   

โดยชาที่นิยมดื่มกันมากที่สุด คือ ชาขาว  ชาเขียว  ชาอู่หลง  และชาดำ นอกจากนี้ยังมีชาสมุนไพรที่ทำจากผลไม้ ใบไม้ ดอกไม้ และสมุนไพรตากแห้ง ของพืชอื่นๆ ที่ไม่มีส่วนผสมจากต้นชา เช่น ชาหญ้าหวาน ชาดอกอัญชัน ชามะตูม ชาใบมะรุม ชาดอกคำฝอย เป็นต้น ซึ่งชาสามารถจัดประเภทตามกระบวนการแปรรูปต่างๆ และยังมีสรรพคุณต่างแตกกันออกไปดังนี้

ประเภทตามกระบวนการแปรรูปต่างๆ ของชา

1. ชาขาว (White tea)

ชาขาว ผลิตจากตูมชาและยอดอ่อนของชา กรรมวิธีผลิตชาขาวเริ่มจากการเลือกเก็บยอดอ่อนชาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ จากนั้นนำยอดชาที่เก็บได้มาผ่านกระบวนการทำแห้งในระยะเวลาที่รวดเร็ว ด้วยวิธีธรรมชาติโดยอาศัย ลม แสงแดด หรือความร้อน ทำให้ปริมาณสารต่อต้านอนุมูลอิสระและคุณค่าทางโภชนาการของชาขาวยังคงไว้ได้มาก ทั้งยังมีวิตามินซี และวิตามินอี รวมทั้งกลิ่นและรสชาติของชาขาวที่ยังคงความสดชื่นและนุ่มนวล ชาขาวจึงเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณ เสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ผิวหนังให้มีความยืดหยุ่น และให้ต่อมน้ำเหลืองขจัดสารพิษออกจากผิว หรือดีท็อกซ์ผิว

2. ชาเขียว (Green tea)

เป็นชาที่ไม่ผ่านกระบวนการหมัก (Non-fermented tea) ใช้ระยะเวลาสั้นในการผลิต กรรมวิธีการผลิตเริ่มจากการนำใบชามาอบไอน้ำ เพื่อยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ จากนั้นนำไปกลิ้งด้วยลูกกลิ้งและทำให้แห้งอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ใบชายังคงมีสีเขียว และคงคุณประโยชน์อยู่มาก โดยเฉพาะสาร Epigallocatechin Gallate (EGCG) ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านพิษ ฆ่าเซลล์มะเร็งและยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันรอยเหี่ยวย่น สีผิวด่างดำ และแห้งกร้าน นอกจากนั้นยังช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันการจับตัวของลิ่มเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการหัวใจวาย และลมชัก ช่วยป้องกันฟันผุ ดับกระหาย แก้ร้อนใน และด้วยคุณประโยชน์นานาประการของชาเขียว เลยเป็นที่นิยมนำไปดัดแปลงทำเป็นเมนูคาวหวานอย่างหลากหลายอีกด้วย

3. ชาอู่หลง (Oolong tea)

เป็นชาที่ผ่านกระบวนการหมักเพียงบางส่วน (Semi-fermented tea) ก่อนหยุดปฏิกิริยาของเอนไซม์ด้วยความร้อน กรรมวิธีการผลิตจะมีการผึ่งแดด (withering) ประมาณ 20-40 นาที ภายหลังผึ่งแดดใบชาจะถูกผึ่งในร่มอีกครั้งพร้อมเขย่ากระตุ้นให้ชาตื่นตัว น้ำชาอู่หลงจะมีสีเหลืองอมเขียว และสีน้ำตาลอมเขียว มีกลิ่นหอม ให้รสฝาด และขมเล็กน้อย แต่ชุ่มคอ ชาอู่หลงมีประโยชน์มากสำหรับคนวัยทำงาน เพราะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ส่งผลให้ลดความตึงเครียด และอารมณ์หงุดหงิด ทั้งยังช่วยย่อยสลายไขมัน และคลอเรสเตอรอลได้ดี

4. ชาดำ (Black tea)

เป็นชาที่ผ่านกระบวนการหมักอย่างสมบรูณ์ (Completely-fermented tea) ใบชาจะถูกผึ่งให้เอนไซม์ polyphenol oxidase เร่งปฏิกิริยาอย่างเต็มที่ ซึ่ง polyphenols จะถูก oxidized อย่างสมบรูณ์เกิดเป็นสารประกอบกลุ่ม Theaflavins และ Thearubigins ทำให้ชาดำมีสีน้ำตาลแดง มีสีและรสชาติที่เข้มข้นมาก เครื่องดื่มที่ได้จากชาดำจะออกสีแดงน้ำตาลไปจนถึงดํา ชาดำนี้มีสารแทนนินสูงจึงช่วยป้องกันฟันผุ บรรเทาอาการท้องเสีย กระตุ้นการทำงานของหัวใจ ลดความเหนื่อย อ่อนล้า ให้ความสดชื่น ชะลอความแก่ และป้องกันการเกิดมะเร็งอีกด้วย

หากอยากดื่มชาให้ได้ประโยชน์ในเรื่องของวิตามินต่างๆ และสารคาเทคชินส์ ไม่ควรดื่มชาที่ร้อนจัดจนเกินไป ไม่ควรใส่สารปรุงแต่งอื่นๆ ทั้งน้ำตาล และนม และไม่ควรดื่มชาในปริมาณมาก หรือติดต่อกันนานจนเกินไป เพราะอาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงโรคที่เกี่ยวกับไต และกระดูกได้